![]() |
วัสดุที่หาซื้อมาเปลี่ยนได้ตามร้านจำหน่ายวัสดุทั่วไป |
มีงานหลายประเภทที่สามารถซ่อมแซม "ด้วยตัวเอง" (Do It Yourself : DIY) ได้ แต่ก็มีงานบางประเภทที่มีความซับซ้อนและต้องใช้ฝีมือในการซ่อม เพื่อลดความเสี่ยง เราควรหาความช่วยเหลือจากช่างซ่อมบำรุงที่มีคุณภาพ ผู้รับเหมา หรือผู้เชี่ยวชาญด้านอื่น ๆ
การซ่อมแซมบ้าน ไม่เหมือนกับการปรับปรุงบ้าน แม้ว่าการปรับปรุงบ้านเป็นผลมาจากการซ่อมแซมหรือการบำรุงรักษา บ่อยครั้งที่ค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมมีค่าสูง เพราะว่าเจ้าของบ้านเลือกที่จะปรับปรุงบ้านครั้งใหญ่ สำหรับงาน DIY ก็ยังเป็นประโยชน์ หากคุณมีข้อจำกัดด้านเงิน หรือมีเวลาว่างมากพอ
![]() |
น้ำรั่ว ควรซ่อมแซมทันที เพื่อเลี่ยงความเสียหายเพิ่มเติม |
บางทีการซ่อมแซมที่น่างงมากที่สุด คือ การเผชิญหน้ากับเจ้าของบ้านที่ได้รับความเสียหาย? ในยุคปัจจุบัน มีสินค้ามากมายที่เราสามารถซื้อมาเปลี่ยนได้ทันที สะดวกกว่าที่การพยายามที่จะซ่อมแซมมันเสียอีก ช่างซ่อมจะต้องเผชิญหน้ากับงาน และต้องแจ้งปัญหาให้ถูกต้อง แล้วเตรียมวัสดุอุปกรณ์ให้ครบ เพื่อที่จะทำการซ่อมแซม บางสิ่งบางอย่าง เช่น หน้าต่างเสีย หรือเครื่องใช้ไฟฟ้า เฟอร์นิเจอร์ ต้องนำไปซ่อมที่ร้านซ่อม แต่มีบางส่วนที่ต้องซ่อมอยู่ในที่ เช่น เปลี่ยนสวิตช์ไฟฟ้า หรือเต้าเสียบ ซ่อมท่อน้ำรั่ว การซ่อมแซมอื่น ๆ อาจจะมีความจำเป็นที่เร่งด่วน อย่างเช่นท่อน้ำเสีย สลักประตูหรือหน้าต่างหัก หลังคารั่ว หรือถังเก็บน้ำรั่ว ช่างซ่อมบำรุงบ้านที่ดี ควรทำการซ่อมแซมทันที เพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายเพิ่มเติม
การบำรุงรักษาบ้าน
![]() |
การซ่อมแซมบ้าน ที่ต้องทำงานอยู่หน้างาน |
แต่ผู้ที่รักบ้านก็มักจะทำการบำรุงรักษาบ้านเป็นประจำ เช่น การจัดสวน การความสะอาดท่อ หรือการฉีดล้างบริเวณที่เข้าถึงได้ยาก เพราะการบำรุงรักษาเหล่านี้จะแพงขึ้นเรื่อยๆหากไม่ทำความสะอาดอย่างต่อเนื่อง
บ่อยครั้งที่เกิดอุบัติเหตุเล็กๆน้อยๆ เช่น การปีนหลังคา หรือการใช้เครื่องมือช่าง หากเป็นงานยาก ควรเรียกหาช่างมาช่วยจะเป็นการปลอดภัยกว่า
การวางแผนที่ดี
เพื่อหลีกเลี่ยงค่าซ่อมที่แพง ก็ควรจะป้องกันให้มาก เช่น หลังคาบนบ้าน ไม่ควรติดสปริงเกอร์(ตัวฉีดน้ำ) เพราะเรามักจะเปิดสปริงเกอร์ในช่วงที่อากาศร้อน และถ้าอากาศร้อน หลังคาก็จะร้อนไปด้วย และถ้าหลังคาร้อนๆมาสัมผัสกับน้ำ จะทำให้หลังคาแตกร้าวได้